สูตรในการคำนวณ Excel


คำชี้แจง ให้นักเรียนชั้น ม.4/3 หาสูตรใตการคำนวณใน Microsoft Excel ที่เกี่ยวกับการบัญชี มาให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยคนละ 10 สูตร พร้อมตัวอย่างการใช้งาน โดยให้นักเรียนตอบลงท้ายนี้ และ จะต้องนำสูตรที่ได้ไปใส่ไว้ใน “ไซต์ของตนเอง” ด้วย (ในไซต์ของนักเรียนจะต้องมีมากกว่า 10 สูตรขึ้นไป)

ป.ล.  งานนี้มีคะแนนรอพวกเราอยู่นะ ทำเสร็จทั้งสองงาน รับไปเลย 100 คะแนนจ้า 
งานนี้หมดเขตส่งวันที่  15 ก.ย.53 นี้เท่านั้นนะ ด่วน!!!

38 thoughts on “สูตรในการคำนวณ Excel

  1. สูตรการคำนวณโดยใช้สูตร
    การใช้สูตรเป็นวิธีที่ใช้ในการคำนวณที่นิยมมากที่สุด เพราะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และสูตรบางอย่างยังสามารถช่วยคำนวณข้อมูลตัวเลขที่ซับซ้อนได้อีก แต่ละสูตรมีรูปแบบการใช้ที่แตกต่างกันออกไป

  2. =2+4*5 หมายถึง คำนวณ 4 คูณ 5 เท่ากับ 20 บวกด้วย 2 ได้ผลลัพธ์ 22
    =(2+4)*5 หมายถึง คำนวณ 2 บวก 4 เท่ากับ 6 คูณด้วย 5 ได้ผลลัพธ์ 30
    ป้อนค่าตัวเลขที่ต้องการหาผลบวกและผลลบ =20+45+30+65+95
    ค่าตัวเลขที่ต้องการหาผลคูณและผลหาร =20*45/30
    =b1*b2/b3
    =20+50-30*5/10
    =20+(50-30)*5/10
    =4*4/2^2/4+9
    =4*4/2^2/(4+9) ได้ผลลัพธ์ 0.30
    =12+5*2

    การย้ายและคัดลอกสูตร
    สามารถย้ายและคัดลอกสูตรที่ป้อนในตารางทำการได้ โดยใช้วิธีเดียวกับการย้าย หรือ
    คัดลอกข้อมูล นั่นคือใช้คำสั่ง ตัด (Cut) และวาง (Paste) หรือ คัดลอก (Copy) และวาง (Paste)
    แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง ต้องทำความเข้าใจเรื่องของการคัดลอก 2 แบบซึ่งมีความสำคัญ คือ
    การคัดลอกแบบสัมพันธ์กับตำแหน่ง (Relative Addressing) และการคัดลอกแบบยึดตำแหน่งเดิม
    (Absolute Address) การคัดลอกแบบสัมพันธ์กับตำแหน่ง (Relative Addressing)

    สำหรับสูตรที่มีเฉพาะตัวเลขที่เป็นจำนวนจริงเมื่อย้ายหรือคัดลอกไปไว้ที่เซลล์อื่น ผลลัพธ์
    ที่ได้จากการคำนวณจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เช่น =12+5*2 เมื่อย้ายหรือคัดลอกไปไว้ที่
    เซลล์อื่นผลลัพธ์ก็จะยังคงได้ 22 เสมอ แต่สำหรับสูตรที่ใช้การอ้างอิงเซลล์เช่น =A3*A4เมื่อมีการ
    ย้ายหรือคัดลอกไปยังเซลล์อื่น ผลลัพธ์ที่ได้จะเปลี่ยนไปเพราะ Ms Excel จะเปลี่ยนตำแหน่งอ้างอิง

  3. สูตร =IF(LEFT(C3,7)=”เด็กชาย”,”ลญ. “&RIGHT(C3,LEN(C3)-7),”นน. “&RIGHT(C3,LEN(C3)-8))
    คำอธิบายสูตร
    ถ้านับตัวอักษรในช่อง C3 จากทางซ้ายมาเจ็ดตัวอักษรเท่ากับคำว่า “เด็กชาย” ให้เขียนคำว่า “ลญ. ” รวมกับตัวอักษรที่เหลือในช่อง C3 โดยนับตัวอักษรจากทางขวามาเป็นจำนวนเท่ากับ จำนวนตัวอักษรทั้งหมดของ C3 ลบด้วย 7 แต่ถ้านับเจ็ดตัวแรกไม่ใช่คำว่า “เด็กชาย” ให้เขียนคำว่า “นน. ” รวมกับตัวอักษรที่เหลือในช่อง C3 โดยนับตัวอักษรจากทางขวามาเป็นจำนวนเท่ากับ จำนวนตัวอักษรทั้งหมดของ C3 ลบด้วย 8
    ที่ต้องลบด้วย 8 เพราะว่า ถ้าไม่ใช่คำว่าเด็กชาย ก็คือคำว่าเด็กหญิง ซึ่งมี 8 ตัวอักษรนั่นเอง

  4. =330-(330*7%)
    =330-(330*7/100)SUM หาผลรวมของของตัวเลข1.)AVERAGE หาค่าเฉลี่ยของข้อมูล =AVERAGE(15.2,16,13.5,12.4,18,12)
    2).ตัวอย่าง Cell B5 ใส่ตัวเลข 69
    ……………Cell B6 ใส่ตัวเลข 42 3.) IF ประมวลผลหาค่าจริงหรือเท็จ จากเงื่อนไขที่ระบุ
    รูปแบบ =IF (เงื่อนไข, ค่ากรณีเงื่อนไขถูกต้อง, ค่ากรณีเงื่อนไขไม่ถูกต้อง)
    ตัวอย่าง กำหนดเงื่อนไขว่า ผลการเรียน 4 คือ นักเรียนที่ได้คะแนน
    ตั้งแต่ 80 คะแนนขึ้นไป (คะแนน 80 อยู่ในเซลล์ D6) =IF(D6>=80,”4″) 4.)MAX ค่าจำนวนสูงสุด
    รูปแบบ =MAX(N1, N2,…) =MAX(15.2,16,13.5,12.4,18,12) 5.)STDEV ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
    รูปแบบ =STDEV(N1, N2,…) =STDEV(15.2,16,13.5,12.4,18,12) 6.)MEDIAN ค่ากลาง
    รูปแบบ =MEDIAN(15.2,16,13.5,12.4,18,12) 7.)MIN ค่าต่ำสุดของจำนวน
    รูปแบบ =MIN (N1, N2,…) =MIN(15.2,16,13.5,12.4,18,12)
    ……………Cell B7 ใส่ตัวเลข 36
    ……………Cell B8 ใส่ตัวเลข 41
    =SUM(B5:B8) ………..ผลลัพธ์ 188 8.)ROUNDDOWN ปัดตัวเลขลง
    รูปแบบ =ROUNDDOWN (ตัวเลข,จำนวนหลัก) =ROUNDDOWN(12.345,2) ….ผลลัพธ์ 12.34 9.)ROUNDUP ปัดตัวเลขขึ้น
    รูปแบบ =ROUNDUP (ตัวเลข,จำนวนหลัก) =ROUNDUP(1234.5,-1) ….ผลลัพธ์ 12.40 10.)ROUND ปัดตัวเลขขึ้น หรือลง
    รูปแบบ =ROUND(ตัวเลข,จำนวนหลัก) =ROUND(12.345,2)….ผลลัพธ์ 12.35

  5. =BAHTTEXT(B$10)
    หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสามพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน

    =”(“&BAHTTEXT(B$10)&”)”
    (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสามพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน)

    =”(บอกว่า..”&BAHTTEXT(B$10)&”นะ..จะบอกให้)”
    (บอกว่า..หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสามพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วนนะ..จะบอกให้)
    รูปแบบ =ROUNDDOWN (ตัวเลข,จำนวนหลัก) =ROUNDDOWN(12.345,2) ….ผลลัพธ์ 12.34 9.)ROUNDUP ปัดตัวเลขขึ้น
    รูปแบบ =ROUNDUP (ตัวเลข,จำนวนหลัก) =ROUNDUP(1234.5,-1) ….ผลลัพธ์ 12.40 10.)ROUND ปัดตัวเลขขึ้น หรือลง
    รูปแบบ =ROUND(ตัวเลข,จำนวนหลัก) =ROUND(12.345,2)….ผลลัพธ์ 12.35

    =SUM(B4:B9)

    =MAX(B4:B9)
    =LARGE(B4:B9,2)
    =LARGE(B4:B9,3)
    =SMALL(B4:B9,2)
    =MIN(B4:B9)
    =AVERAGE(B4:B9)
    =REPT(“©”,B5)
    =REPT(“©”,B6)
    =REPT(“©”,B7)
    =REPT(“©”,B8)
    =REPT(“©”,B9)
    =REPT(“©”,B10)

    =RIGHT(B10,LEN(B10)-FIND(” “,B10))
    =330-(330*7%)
    =330-(330*7/100)SUM หาผลรวมของของตัวเลข1.)AVERAGE หาค่าเฉลี่ยของข้อมูล =AVERAGE(15.2,16,13.5,12.4,18,12)
    2).ตัวอย่าง Cell B5 ใส่ตัวเลข 69
    ……………Cell B6 ใส่ตัวเลข 42 3.) IF ประมวลผลหาค่าจริงหรือเท็จ จากเงื่อนไขที่ระบุ
    รูปแบบ =IF (เงื่อนไข, ค่ากรณีเงื่อนไขถูกต้อง, ค่ากรณีเงื่อนไขไม่ถูกต้อง)
    ตัวอย่าง กำหนดเงื่อนไขว่า ผลการเรียน 4 คือ นักเรียนที่ได้คะแนน
    ตั้งแต่ 80 คะแนนขึ้นไป (คะแนน 80 อยู่ในเซลล์ D6) =IF(D6>=80,”4″) 4.)MAX ค่าจำนวนสูงสุด
    รูปแบบ =MAX(N1, N2,…) =MAX(15.2,16,13.5,12.4,18,12) 5.)STDEV ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
    รูปแบบ =STDEV(N1, N2,…) =STDEV(15.2,16,13.5,12.4,18,12) 6.)MEDIAN ค่ากลาง
    รูปแบบ =MEDIAN(15.2,16,13.5,12.4,18,12) 7.)MIN ค่าต่ำสุดของจำนวน
    รูปแบบ =MIN (N1, N2,…) =MIN(15.2,16,13.5,12.4,18,12)

  6. =IF(D5>=80,”4″,IF(D5>=70,”3″,IF(D5>=60,”2″,IF(D5>=50,”1″,IF(D5>=0,”0″)))))การใช้งานสูตรแบบอาร์เรย์ (Array)
    การใช้สูตรแบบอาร์เรย์สามารถทำหลาย ๆ การคำนวณให้คืนค่าเป็นผลลัพธ์เดียวหรือหลายผลลัพธ์ โดยสูตรอาร์เรย์ตั้งแต่ 2 ชุดขึ้นไป

    ตัวอย่าง
    =5-1
    =9*8 ตัวอย่าง {=SUM((B1:B9)/(A1:A5))}{=SU)การใช้งานสูตรรูปแบบปกติ (Formula)
    สูตรรูปแบบปกติจะเป็นสูตรที่เป็นสมการที่ใช้ดำเนินการกับข้อมูลในชีทด้วยการใช้สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ เช่นเครื่องหมายบวก ลบ คูณ หาร การอ้างอิงเซลล์อื่น หรือสูตรที่ใช้รวมข้อความ เป็นต้น
    การใช้งานสูตรแบบฟังก์ชัน (Function)
    เราสามารถใช้สูตรแบบฟังก์ชันช่วยคำนวณข้อมูลที่ซับซ้อนหรือมดีปริมาณมากได้ ซึ่งฟังก์ชันใน Excel เป็นสูตรที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและถูกสร้างให้เหมาะกับงานการใช้งานสูตรแบบอาร์เรย์ (Array)
    การใช้สูตรแบบอาร์เรย์สามารถทำหลาย ๆ การคำนวณให้คืนค่าเป็นผลลัพธ์เดียวหรือหลายผลลัพธ์ โดยสูตรอาร์เรย์ตั้งแต่ 2 ชุดขึ้นไป

    =B5-A7
    ตัวอย่าง
    =5-1
    =9*8
    =B5-A7

  7. 1. แทนที่จะเลือกเซลล์ C3 เพียงเซลล์เดียว คราวนี้ให้เลือกพื้นที่ตารางจากเซลล์ C3:F5 ทั้งหมดพร้อมกันไว้ก่อน
    2. จากนั้นพิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ =
    3. คลิกเลือกเซลล์ C2:F2 บนหัวตาราง จะได้สูตร =C2:F2
    4. พิมพ์เครื่องหมายคูณ *
    5. คลิกเลือกเซลล์ B3:B5 จากข้างตาราง จะได้สูตร =C2:F2*B3:B5
    6. จากนั้นแทนที่จะกดปุ่ม Enter ให้กดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter พร้อมกันทีเดียว 3 ปุ่ม จะทำให้เกิดเครื่องหมายวงเล็บปีกกาปิดหัวท้ายสูตรให้เองกลายเป็น {=C2:F2*B3:B5}

    คำอธิบาย
    สาเหตุที่ต้องเลือกพื้นที่ตาราง C3:F5 ไว้ก่อนแทนการเลือกเซลล์ C3 เพียงเซลล์เดียว เพื่อทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากสูตร Array คืนค่ากระจายคำตอบลงไปในตารางให้ครบทุกตำแหน่ง
    ลองใช้ Mouse คลิกลงไปในช่อง Formula Bar เลือกเฉพาะส่วนของสูตร C2:F2 แล้วกดปุ่ม F9 จะพบว่าตำแหน่งอ้างอิงส่วนนี้เปลี่ยนเป็น {2,3,4,5} จากนั้นให้กดปุ่ม Esc เพื่อคืนสภาพสูตรตามเดิม
    ลองใช้ Mouse คลิกลงไปในช่อง Formula Bar เลือกเฉพาะส่วนของสูตร B3:B5 แล้วกดปุ่ม F9 จะพบว่าตำแหน่งอ้างอิงส่วนนี้เปลี่ยนเป็น {10;20;30} จากนั้นให้กดปุ่ม Esc เพื่อคืนสภาพสูตรตามเดิม
    หากกดปุ่ม F2 ตามด้วย F9 จะพบว่าสูตร Array เดิมบน Formula Bar {=C2:F2*B3:B5} จะเปลี่ยนเป็น ={20,30,40,50;40,60,80,100;60,90,120,150} แล้วขอให้สังเกตว่ามีเครื่องหมาย Comma และ Semi-Colon ขั้นอยู่ระหว่างตัวเลข (ซึ่งเครื่องหมาย Comma , นี้แสดงถึงว่าค่าถัดไปยังคงอยู่ใน Row เดิม ส่วนเครื่องหมาย Semi-Colon ; แสดงว่าค่าถัดไปต้องขึ้น Row ใหม่)
    ดังนั้น ={20,30,40,50;40,60,80,100;60,90,120,150} จึงแสดงให้เห็นว่าสูตร Array นี้คืนค่าเป็นคำตอบซึ่งมีขนาดความกว้าง 4 Column และมีความสูง 3 Row ตามขนาดพื้นที่ตั้งแต่ C3:F5 ที่ต้องเลือกไว้ก่อน เพื่อให้กระจายค่าลงไปให้ครบนั่นเอง
    หากหัวตารางมีขนาดเปลี่ยนไป ต้องลบสูตร Array ที่สร้างไว้เดิมนี้ทิ้งไปก่อนแล้วจึงสร้างสูตร Array ใหม่ลงไป ซึ่งในการลบสูตร Array ทิ้งนี้ หากตอนที่สร้างสูตรเกิดจากการสร้างพร้อมกันทีเดียวหลายเซลล์ จะเลือกลบสูตรทิ้งบางเซลล์ไม่ได้ ต้องเลือกเซลล์ C3:F5 ทั้งหมดแล้วจึงสั่งลบสูตรทิ้งพร้อมกันทีเดียวจึงจะลบได้
    เนื่องจากสูตร Array ในตัวอย่างนี้เกิดจากการสร้างพร้อมกันทั้งตารางด้วยสูตรเดียว จึงทำให้ Excel คำนวณสูตรทั้งตารางสูตรคูณเพียงครั้งเดียว ถือเป็นเคล็ดลับและลัดที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเพราะถ้าสร้างได้จะทำให้แฟ้มคำนวณเร็วขึ้นอย่างผิดหูผิดตาทีเดียว (เร็วกว่าตัวอย่างสูตรคูณซึ่งสร้างสูตรลงไปในเซลล์เดียวแล้วต้อง Copy ไป Paste เพื่อให้คำนวณซ้ำอีกในเซลล์อื่น)
    หากต้องการค้นหาว่าสูตร Array ที่เห็นนั้นสร้างขึ้นพร้อมกันจากเซลล์ใดถึงเซลล์ใด ให้เริ่มจากคลิกเลือกเซลล์สูตร Array นั้นๆก่อนเพียงเซลล์เดียว แล้วกดปุ่ม F5 > Special > กาช่อง Current array จะพบว่า Excel เลือกพื้นที่ตารางส่วนที่เกิดจากการสร้างด้วยสูตร Array พร้อมกันนั้นให้ทันที จากนั้นหากต้องการลบหรือสร้างสูตร Array ใหม่ลงไปก็ให้กระทำต่อพื้นที่ตารางที่เลือกให้แล้วนั้นร่วมกันเสมอ

  8. การหาค่าสูงสุด: คลิกที่ช่อง D3 แล้วพิมพ์คำว่า จำนวน กดปุ่มลูกศรไปทางขวาเพื่อไปยังตำแหน่ง E3 พิมพ์ที่ช่องสำหรับพิมพ์สูตร =COUNT(B1: B3) เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter จะได้ค่าต่ำสุดเท่ากับ 3 ในช่อง D3

  9. 1.E10
    =$B$10-(WEEKDAY($B$10)-$D$9+(WEEKDAY($B$10)<$D$9)*7)+7*D10
    2.F10
    =$B$10-DAY($B$10)+MOD(6+$D$9-WEEKDAY($B$10-DAY($B$10)),7)+1+(7*(D10-1))

    =C5-DAY(C5)+MOD(6+D9-WEEKDAY(C5-DAY(C5)),7)+1

    โดยที่ . . .
    C5 เก็บวันที่/เดือน/ปี ที่อ้างถึงB10 คือ วันที่กำหนด
    D9 คือ วันในสัปดาห์ 1=sun, 2=mon
    D10 คือ เลขที่สัปดาห์

    F19
    =C19-DAY(C19)+MOD(6+$D$9-WEEKDAY(C19-DAY(C19)),7)+1+IF(C19<=(C19-DAY(C19)+MOD(6+$D$9-WEEKDAY(C19-DAY(C19)),7)+1+7),7,IF(C19<=(C19-DAY(C19)+MOD(6+$D$9-WEEKDAY(C19-DAY(C19)),7)+1+21),21,35))

    D9 เก็บเลข 1=อาทิตย์, 2=จันทร์ , . . . . ที่ F19 เดิมเป็น . . .
    =(C19-WEEKDAY(C19+5)+7)+MOD(CEILING(DAY(C19-WEEKDAY(C19+5)+7),7)/7,2)*7
    ที่ F19

    {=SMALL(IF(MOD(INT((DAY(C19-WEEKDAY(C19+5)+{7,14,21})-1)/7)+1,2)=0,C19-WEEKDAY(C19+5)+{7,14,21},9999999),1) }ถ้าเลขที่ต้องการปัดขึ้น คือ 14 ให้ตอบ 14 (ไม่ปัดเพราะตรง)
    ถ้าเลขที่ต้องการปัดขึ้น คือ 15 ให้ตอบ 21
    ถ้าเลขที่ต้องการปัดขึ้น คือ 20 ให้ตอบ 21
    ถ้าเลขที่ต้องการปัดขึ้น คือ 21 ให้ตอบ 21 (ไม่ปัดเพราะตรง)
    ถ้าเลขที่ต้องการปัดขึ้น คือ 25 ให้ตอบ 28
    =Lookup(Number,DataRange)

  10. การนับจำนวน: คลิกที่ช่อง D2 พิมพ์คำว่า ค่าสูงสุดกดปุ่มลูกศรไปทางขวาเพื่อไปยังตำแหน่ง E2 พิมพ์ที่ช่องสำหรับเขียนสูตร
    =MAX(B1:B3)เสร็จแล้วกดปุ่ม Enter แล้วจะได้คำตอบเท่ากับ 6 ในช่อง D2

  11. พอทำในตาราง ก็จะพิมพ์รายการไปเรื่อย ๆ พอถึงในช่องราคา ก็จะคว้าเครื่องคิดเลขบนโต๊ะขึ้นมาจิ้ม ๆ ได้ 150 แล้วก็พิมพ์ผลลัพธ์ลงไป แล้วก็ทำแบบนี้ไปทุกรายการ พอถึง รวม ก็จัดการจิ้ม 150 บวก 250 ได้ 400 แล้วก็พิมพ์ลงในช่องนี้
    จะเป็นการเรียนรู้เรี่องการใช้สูตรคำนวณง่าย ๆ ไปก่อน โดยการพิมพ์ในช่องตามนี้
    ในช่อง E2 หรือคอลัมน์ E แถวที่ 2 ให้พิมพ์คำว่า ” = C2 * D2″ (สูตรการคำนวณของ Excel จะขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย = ตลอด) ซึ่งหมายความว่า ช่องนี้นะ มีค่าเท่ากับ ช่อง C2 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 15 คูณด้วยด้วยช่อง D2 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 10 เมื่อคุณกด Enter ในช่องนี้ก็จะไม่มีสูตรให้คุณเห็นหรอก แต่จะแสดงเป็นค่าที่เป็นผลลัพธ์ออกมาเรียบร้อยแล้วคือ 150 ซึ่งผลดีก็คือ ถ้าช่องราคาต่อหน่วยมันเปลี่ยนค่าไป หรือจำนวนเปลี่ยนไป ในช่องราคามันก็จะเปลี่ยนไปด้วย ไม่จำเป็นต้องมาจิ้ม ๆ กันใหม่อีก ใครที่คิดว่าเป็นประโยชน์ก็ลองใช้ดู แต่ใครที่คิดว่ามันใช้ยากจังเลย มากเรื่องมากราวสู้จิ้ม ๆ ใช้เครื่องคิดเลข เอาก็ไม่ได้ กับการคำนวณ Excel

  12. ผลบวกของ A1 กับ A5 ให้คลิกช่องCellแล้วพิมพ์ “= A1+A5”จากนั้นกด Enter
    ผลลบของ C1 กับ C5ให้คลิกช่องCellแล้วพิมพ์ “= C1-C5จากนั้นกด Enter
    ผลคูณของ B1 กับ B5ให้คลิกช่องCellแล้วพิมพ์ “= B1*B5”จากนั้นกด Enter
    ผลหารของ A1 กับ C1ให้คลิกช่องCellแล้วพิมพ์ “= A1/C1”จากนั้นกด Enter
    ยกกำลัง5ข้อมูลA1ทำโดยให้คลิกช่องCellแล้วพิมพ์ “= A1^5”จากนั้นกด Enter
    หาค่าสูงสุดในช่อง A1:A5 ซึ่งทำโดยคลิกที่ช่องCell จากนั้นพิมพ์ =max(a1:a5)จากนั้นกด Enter
    หาค่าต่ำสุดในช่อง B1:B5 ซึ่งทำโดยคลิกที่ช่อง Cell จากนั้นพิมพ์=max(b1:b5)จากนั้นกด Enter
    การหาค่าเฉลี่ยของ C1 ถึง C5 ทำโดยพิมพ์คำว่า =average (C1:C5)จากนั้นกด Enter
    ต้องการรู้วันที่และเวลาปัจจุบันให้พิมพ์ =now()จากนั้นกด Enter
    การแปลงค่าตัวเลขให้เป็นตัวอักษรตามเงินบาทประเทศไทยให้พิมพ์=bahttext(a1)จากนั้นกด Enter

  13. โครงสร้างหรือลำดับขององค์ประกอบต่างๆในสูตรจะเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ขั้นสุดทายซึ่ง Excel จะคำนวณตามรูปแบบที่เรา
    กำหนดโดยปกติ Excel จะคำนวนสูตรจากซ้ายไปขวาแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลำดับตัวดำเนินการที่ลำดับเหนือ
    ตัวอย่าง
    = 9+3/2
    ผลลัพธ์เท่ากับ 10.5 เนื้องจาก Excel จะคำนวณ 3 หารด้วย 2 ก่อน ซึ้งจะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 1.5 แล้วสุดท้ายนำมาบวกด้วย 9 แต่ถ้าใช้วงเล็บเพื่อควบคุมการคำนวณโดยใส่วงเล็บให้ 9 บวกกับ 3 ก่อน แล้วจึงหารด้วย2ก็จะต้องใช้สูตร = ( 9+3)/2 ผลลัพธ์เท่ากับ 6

  14. สูตร=SUM(B5:B8)
    ใช้ในการหาผลบวกตั้งแต่ คอลัมน์B5ถึงB8
    สูตร=AVERAGE(13.2,15.2,16,13.5)
    ใช้ในการหาเฉลี่ยตั้งแต่13.2ม15.2,16,13.5
    สูตร=IF(D6>=80,”4″)
    ช้ในการหาคาประมวลผลหาค่าจริงหรือเท็จ ตั้งแต่ (D6>=80,”4″)
    สูตร=(B1*B5)
    ใช้ในการหาค่าผลคูณตั้งแต่คอลัมน์(B1*B5)

    สูตร=(A1/C1)
    ใชในการหาค่าผลหารตั้งแต่คอลัมน์A1ถึงC1
    สูตร=C5>D5
    ใช้แทนมากว่า
    สูตร=C5=D5 C5<=D5
    ใช้แทนมากกว่าหรือน้อยกว่า
    สูตร=C5D5
    ใชแทนไม่เท่ากับ

  15. สูตร = max(b1:b5) ใช้ในการหาค่าต่ำสุด
    สูตร=max(a1:a5) ใช้ในการหาค่าสูงสุด
    สูตร=A1/C1ใช้ในการ หาร
    สูตร=B1*B5ใช้ในการคูณ
    สูตร=c1-C5 ใช้ในการลบ
    สูตร=A1-A5 ใช้ในการบวก
    สูตร=A1^5 ใช้ในการยกกำลัง
    สูตร=C10=C5-(O6+C7+C8+C9) ใช้ในการหากำไร
    สูตร=SUM(Cb:C11) ใช้ในการหาผลรวม
    สูตร=AVERAGE (Cb:C11) ใช้ในการหาค่าเฉลี่ย

  16. สูตร =Sum(c6:c11)
    ใช้ในการหาผลบวกตั้งแต่คอลัมน์ c6ถึง c11
    =Min(c6:c11)หาค่าต่ำสุด
    ใช้ในการหาค่าต่ำสุดตั้งแต่คอลัมน์ c6ถึง c11
    =Max(c6:c11)หาค่าสูงสุด
    ใช้ในการหาค่าสูงสุดตั้งแต่คอลัมน์ c6ถึง c11
    =Average(c6:c11)หาค่าเฉลี่ย
    ใช้ในการหาค่าเฉลี่ยของตัวเลข
    =Countif(f2:f6″A”)
    ใช้ในการหาผลลัพธ์ที่ต้องการ
    =(12+5*2)
    ใช้ในการหาผลบวกและผลคูณ
    =Dmax(a4:e10)
    ใช้ในการหากำไรสูงสุดตั้งแต่คอลัมน์a4ถึงe10 กำไรคือa1:a3
    =Dmin(a4:e10)
    ใช้ในการหากำไรต่ำสุดตั้งแต่คอลัมน์ a4ถึง e10 กำไรต่ำสุด a1:a2
    =Dstdev(a4:e10)
    ใช้ในการหาค่าเบี่ยงเบนตั้งแต่คอลัมน์ a4ถึง e10
    =Dvarp(a4:e10)
    ใช้ในการหาค่าแปรปรวนตั้งแต่คอลัมน์ a4ถึง e10

  17. สูตร = max(b1:b5) ใช้ในการหาค่าต่ำสุด
    สูตร=max(a1:a5) ใช้ในการหาค่าสูงสุด
    สูตร=A1/C1ใช้ในการ หาร
    สูตร=B1*B5ใช้ในการคูณ
    สูตร=c1-C5 ใช้ในการลบ
    สูตร=A1-A5 ใช้ในการบวก
    สูตร=A1^5 ใช้ในการยกกำลัง
    สูตร=C10=C5-(O6+C7+C8+C9) ใช้ในการหากำไร
    สูตร=SUM(Cb:C11) ใช้ในการหาผลรวม
    สูตร=AVERAGE (Cb:C11) ใช้ในการหาค่าเฉลี่ย

  18. สูตร=SUM(B5:B8)
    ใช้ในการหาผลบวกตั้งแต่ คอลัมน์B5ถึงB8
    สูตร=AVERAGE(13.2,15.2,16,13.5)
    ใช้ในการหาเฉลี่ยตั้งแต่13.2ม15.2,16,13.5
    สูตร=IF(D6>=80,”4″)
    ช้ในการหาคาประมวลผลหาค่าจริงหรือเท็จ ตั้งแต่ (D6>=80,”4″)
    สูตร=(B1*B5)
    ใช้ในการหาค่าผลคูณตั้งแต่คอลัมน์(B1*B5)

    สูตร=(A1/C1)
    ใชในการหาค่าผลหารตั้งแต่คอลัมน์A1ถึงC1
    สูตร=C5>D5
    ใช้แทนมากว่า
    สูตร=C5=D5 C5<=D5
    ใช้แทนมากกว่าหรือน้อยกว่า
    สูตร=C5D5
    ใชแทนไม่เท่ากับ

  19. สูตร = max(b1:b5) ใช้ในการหาค่าต่ำสุด
    สูตร=max(a1:a5) ใช้ในการหาค่าสูงสุด
    สูตร=A1/C1ใช้ในการ หาร
    สูตร=B1*B5ใช้ในการคูณ
    สูตร=c1-C5 ใช้ในการลบ
    สูตร=A1-A5 ใช้ในการบวก
    สูตร=A1^5 ใช้ในการยกกำลัง
    สูตร=C10=C5-(O6+C7+C8+C9) ใช้ในการหากำไร
    สูตร=SUM(Cb:C11) ใช้ในการหาผลรวม
    สูตร=AVERAGE (Cb:C11) ใช้ในการหาค่าเฉลี่ย

  20. 1.=SUM A2+B3+C4+D5
    การคำนวณหาผลบวกเซลล์ A2,B3,C4,D5
    2.=PRODUCT(A2,A4,2)
    การคำนวลหาผลคูณใน(A2,A4,2)
    3.=POWER(5,2)
    การคำนวณเลขยกกำลังของ(5,2)
    4.=ROUNDUP(A3,0)
    การปัดเศษของตัวเลขขึ้นของ(A3,0)
    5.=ROUNDDOWN(A4,2)
    การปัดเศษของตัวเลขลงของ(A4,2)
    6.=LINEST(A2:A5,B2:B5,,FALSE)
    การหาสถิติ(A2,A5,B2,B5,FALSE)

  21. สูตร =sum (B1:B9)
    ใช้ในการหาผลบวกคอลัมน์B1 ถึงB9
    สูตร{ =sum((B1:B9)/(A1:A5))}
    การคำนวณให้คืนค่าเป็นผลลัพธ์เดียวหรือหลายผลลัพธ์โดยใช้สูตรอาร์เรย์
    สูตร =IF(D6>=80,”4″) 4.)MAX
    การหาค่าจำนวนสูงสุด
    สูตร =(B2-A2)/ABS(A2)
    ส่วนต่างระหว่างจำนวนที่หนึ่งและจำนวนที่สองหารด้วยค่าสัมบูรณ์ของจำนวนที่หนึ่ง ทำให้ได้เปอร์เซ็นต์ความเปลี่ยนแปลง (0.06746 หรือ 6.75%)
    สูตร =A2*(1-B2) 25
    การหาค่าเปอร์เซ็น A2ลดลง 25% (18.75)
    สูตร = A2*B2
    คอลัมน์ A2 และ B2เพื่อหาจำนวนภาษีขายที่จะต้องชำระ ($71.20)
    สูตร =MAX(B1:B3)
    คอลัมน์B1:B3เพื่อหาค่าเฉลี่ย ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด และ หาจำนวนนับ
    สูตร =C10 =C5-SUM(C6:C9)
    สูตรคำนวณหากำไร
    สูตร =330-(330*7/100)SUM )
    หาผลรวมของของตัวเลข1.)AVERAGE หาค่าเฉลี่ยของข้อมูล =AVERAGE
    สูตร =b1*b2/b3
    การหาผลคูณและผลหาร
    ถ้าพลาดก็คอมเมนกลับนะค่ะจะได้แกไข

  22. AVERAGE(A2:A5:B12) คำอธิบาย เป็นการหาค่าเฉลี่ยของตัวเลขในเซล 3 เซลในวงเล็บ
    =MIN(B4:B9) คำอธิบาย เป็นการหาค่าน้อยที่สุดของB4ถึงB9ว่าจำนวนในค่าใดจะน้อย

    =AVERAGE(B8:B16) คำอธบาย เป็นการหาค่าเฉลี่ยของB8ถึงB16

    =MAX(B1:B9) คำอธิบาย เป็นการหาค่ามากที่สุดของB1ถึงB9ว่าจำนวนในค่าใดจะมาก

  23. สูตรการคำนวณมีดังนี้

    =max(C1:E1) ใช้ในการหาค่าสูงสุดตั้งแต่ คอลัมน์ C1 -E1
    =min(D2:E2)ใช้ในการหาค่าตำสุดตั้งแต่ คอลัมน์ D2-E2
    =average(C7:E7)ใช้ในการหาค่าเฉลี่ยตั้งแต่ คอลัมน์ C7-E7
    =sum(A3:D3)ใช้ในการหาผลบวกตั้งแต่ คอลัมน์ A3-D3
    =A1/C1 หาผลหาร
    =B1*B5 หาผลคูณ
    =C1-C5 หาผลลบ
    =A1-A5 หาผลบวก
    =A1^5 หาผลของเลขยกกำลัง
    =C10=C5-(06+C7+C8+C9 )หากำไร

  24. =COMBIN(8,2) จำนวนวิธีจัดหมู่ของทีมที่มีสมาชิกสองคนจากผู้สมัครทั้งหมด 8 คน (28)
    =MEDIAN(A2:A6)คำอธิบาย =ใช้ในการหาเฉลี่ยตั้งแต่ คอลัมน์A3ถึง A6
    If >> =If=คำอธิบาย=เป็นการตรวจสอบสูตรว่าถูกต้องไหมใช้ได้ถูกคอลัมน์(A1=Z10)

    =If(A1=1,”A”,If(A1=2,”B”,If(A1=3,”C”,If(A1=4,”D”, If(A1=5,”E”, If(A1=6,”F”,If(A1=7,”G”,If(A1=8,”H”,”I” ))))))))=อธิบาย
    เป็นการตรวจสอบ(A1=8 h:l)

  25. สูตร = max(b1:b5) ใช้ในการหาค่าต่ำสุด
    สูตร=A1/C1ใช้ในการ หาร
    สูตร=AVERAGE (Cb:C11) ใช้ในการหาค่าเฉลี่ย
    สูตร=SUM(Cb:C11) ใช้ในการหาผลรวม
    สูตร=A1^5 ใช้ในการยกกำลัง
    สูตร=A1-A5 ใช้ในการบวก
    สูตร=c1-C5 ใช้ในการลบ
    สูตร=B1*B5ใช้ในการคูณ
    สูตร = max(b1:b5) ใช้ในการหาค่าต่ำสุด
    สูตร=A1/C1ใช้ในการ หาร

  26. 8. ถ้าต้องการเรียงข้อมูลจากมากไปหาน้อย จะต้องใช้คำสั่งในข้อใด
    ก. Data , Sort , Descending
    ข. Data , Sort , Ascending
    ค. Data , Filter , Descending
    ง. Data , Filter , Ascending

  27. มีสูตรคือ S=200x(U-M)x(sinZ)2 ในนั้น ค่าของ S เรารู้แล้วแต่ว่าจะเอาสูตรดั่งกร่าวไปใช้ใน excel เราจะทำยังไงช่วยหนูทีค๋ะ. ส่วนค่าของ U, M, SinZ เป็นต้นให้ใส่ค่าเข้าไปตามใจแล้วให้ตอบหน่อยทีนะค๋ะว่าเค้าเอาไปใช้ใน excel ยังไง

ส่งความเห็นที่ ทัศน์วรรณ ทะงวษ์ ยกเลิกการตอบ